วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ผู้ปฏิบัติธรรม

พึงเกิดศรัทธา ความเชื่อ ความเลื่อมใส ในพระรัตนตรัย และ ในการทำสมาธิ ... จงพยายามสละกิจการน้อยใหญ่ เข้าสู่ที่สงัด ... น้อมจิต เอากรรมฐานบทใดบทหนึ่ง มาเป็นอารมณ์ แล้วตั้งสติ กำหนดอารมณ์กรรมฐาน ให้สม่ำเสมอ ละเอียดอ่อน ... ค่อย ๆ กำหนดไป ... วิริยะ ... อุตสาหะ ... อดกลั้น ... บรรเทา ... นานเข้า จิตจะแนบแน่น ... ต่อจากนั้น ปิติ ความอิ่มใจ ... ปราโมทย์ คือ ความรื่นเริง บันเทิงใจ ก็จะเกิดขึ้น นามกาย ก็จะสงบระงับ เกิดความสุขกาย สบายใจ รู้สึกสบาย และ เยือกเย็น ... ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นสมบัติของพระ ถ้าท่าน (ใครก็ตาม) ทรงศีล ทรงสมาธิ ทรงปัญญา ท่านก็ได้ชื่อว่า เป็นพระ ... พระ มิใช่ว่าอยู่ที่ ผ้าเหลือง ผ้าเขียว ผ้าแดง ผ้าขาว อย่างไร? พระ อยู่ที่ จิตใจ ต่างหาก ... คนเราเกิดมา มีร่างกาย เป็นที่อยู่อาศัย อุปมาเป็นบ้าน ที่กำลังถูกไฟไหม้ เพราะ การเกิด การแก่ เจ็บ ตาย นี้เป็นเหตุ ... ผู้มีสติ ผู้มีปัญญา นำสมบัติอันมีค่า ค่อย ๆ ขนออกจากบ้าน ที่กำลังไหม้อยู่นี้ เพราะ เมื่อบ้านหลังนี้ ถูกไฟไหม้หมดแล้ว ก็จะได้มีสมบัติ สิ่งของ ไว้จับจ่ายใช้สอยต่อไป ... สมบัติอันมีค่า ก็คือ การกระทำคุณงาม ความดี ... แม้เราไปอยู่ที่ไหน จะไปไหน มาไหน ก็เพ่งเพียรพิจารณาความตาย จงอย่าได้ประมาท ... ท่านทั้งหลาย โลกเรานี้มีการหมุนเวียน เปลี่ยนไปอยู่เสมอ ... กาลเวลา ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่นี้ ย่อมกลืนกินทุกสรรพสิ่ง ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ทุกถ้วนหน้า ... ... หลวงพ่อ พระพุทธบาทตากผ้า ... .....บทเจริญเมตตา ... ... พุทธเมตตัง จิตตัง มะมะ พุทธพุทธานุภาเวนะ ... ... ธัมมเมตตัง จิตตัง มะมะ ธัมมธัมมานุภาเวนะ ... ... สังฆเมตตัง จิตตัง มะมะ สังฆสังฆานุภาเวนะ ... ... ภาวนาก่อนนอน หรือ หลังจากตื่นนอน ภาวนาก่อนจะเดินทางไปไหน ไปหาใคร ต้องการอะไร ภาวนาเวลาว่าง เวลาไปไหนก็ได้ เมื่อคิดได้ ให้ภาวนา ... พระพุทธองค์ ทรงแสดงผลดีของการเจริญเมตตาภาวนา ไว้ใน เมตตานิสังสสูตร ว่า มี ๑๑ ประการ คือ ... เวลาหลับ ก็เป็นสุข ... เวลาตื่น ก็เป็นสุข ... เวลานอน จะไม่ฝันร้าย ... เป็นที่รักของมวลมนุษย์ทั่วไป ... เป็นที่รักของพวกอมนุษย์ ... สัตว์ร้าย วิญญาณร้าย จะไม่ทำร้ายเบียดเบียน ... เทวดาจะปกป้อง คุ้มครองรักษา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ... จะแคล้วคลาด ปลอดภัยจาก อันตรายทั้งปวง ... เวลาบำเพ็ญภาวนา จิตจะเป็นสมาธิ ตั้งมั่นได้เร็ว ... ใบหน้าจะเบิกบานแจ่มใส ... เวลาสิ้นชีวิต จะไม่หลงตาย (ตายอย่างมีสติ) ... เมื่อยังไม่ได้บรรลุธรรมอันยิ่ง จะได้ไปอยู่สวรรค์ชั้นพรหมโลก ... ... หลวงปู่ ขาว อนาลโย ... .....การทำความดี ... ... มีการรักษาศีล ให้ทาน ภาวนา เป็นต้น การทำความชั่ว มีกายทุจริต วจีทุจริต เป็นต้น ครั้นเราทำความดี ความดีจะตามสนอง ให้เรามีความสุข มีสุคติเป็นที่ไป ครั้นเราทำความชั่ว ความชั่วจะตามสนอง ให้เรามีความทุกข์ มีทุคคติ เป็นที่ไป ... พวกเรา ได้อัตภาพร่างกายมาสมบูรณ์ บริบูรณ์ ก็เป็นเพราะ ปุพเพกตปุญญตา บุญของเราที่ได้ทำมาแต่ปางก่อน พวกเรา จึงไม่ควรประมาท ควรรีบทำคุณความดีละความชั่ว ... พวกเรา มีการมาทำบุญ ให้ทาน มีการสดับรับฟังธรรมะ รักษาศีล ภาวนา ก็พาให้เกิดความสบายใจ นั่นแหละบุญ เห็นกันที่นี่แหละ ไม่ต้องรอตายแล้ว จึงจะไปสวรรค์ ... ใจดี ก็เป็นสวรรค์แล้ว ใจร้าย ก็เป็นนรก ... การปฏิบัติธรรมนั้น ไม่มีโทษ มีแต่คุณ คือ จิตไม่ขุ่นมัว จิตผ่องใส จิตเบิกบาน จะยืน เดิน นั่ง นอน ก็มีความสุข ไม่มีความทุกข์ จะเข้าสุ่สังคมใด ก็องอาจกล้าหาญ ... การทำความเพียร เมื่อสมาธิเกิดมีขึ้นแล้ว จะไม่มีความหวั่นไหว ไม่มีความเกียจคร้านต่อการงาน ทั้งทางโลกและทางธรรม เพราะ ได้ปัญญา มาเป็นกำลัง ... .....เมื่อปัญญา ... เกิดขึ้นแล้ว ก็รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ จะเรียนทางโลก ก็สำเร็จ จะเรียนทางธรรม ปฏิบัติก็สำเร็จ ... พระพุทธเจ้า ท่านจึงสั่งสอนอบรม ให้เกิดให้มีขึ้นมา เบื้องต้นตั้งแต่ ศีล เพราะ ศีล เป็นที่ตั้งของสมาธิ สมาธิ เป็นที่ตั้งของ ปัญญา ไม่ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เป็นทางมาแห่งวิมุตติ คือ ความหลุดพ้น ด้วยกันทั้งสิ้น ... ธรรมทั้งหลาย ตกอยู่ในไตรลักษณ์ มี ทุกขา มี อนิจจา มี อนัตตา ... ทั้งสามนี้ ให้สำนึกพึงรู้ไว้ ... ธาตุสี่ ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ... ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เมื่อมารวมกันแล้ว ก็แตกดับไป เป็นของไม่แน่นอน เป็น อนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง มีแต่ทุกข์ ถ้าใครไปยึดถือไว้ ... ผู้เจริญเมตตาอยู่เสมอ จะไม่ตกต่ำ และ เมตตา จะหนุนตนให้เจริญ จะได้บุญกุศลเพิ่มเติมอยู่เสมอ ผู้ถวายทาน แม้ตั้งร้อยครั้ง ก็ได้ผลบุญสู้ผู้รักษาศีล แม้เพียงครั้งเดียวไม่ได้ ผู้รักษาศีล แม้ตั้งร้อยครั้ง ก็ได้บุญกุศลสู้การเจริญเมตตาภาวนา เพียงครั้งเดียวไม่ได้ ... การเจริญเมตตาภาวนา เพียงชั่วช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ก็ได้ผลบุญมาก ... ที่มา : เก็บตก